Indicators on บทความ You Should Know
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวกับหัวข้อนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เข้าห้องสมุด ค้นหนังสือ นิตยสาร บทความ บทสัมภาษณ์ และบทความสารคดีทางอินเตอร์เน็ตรวมทั้งข่าว บล็อก และฐานข้อมูล กล่าวคือค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทุกอย่างทั้งในรูปแบบหนังสือ (ตามห้องสมุดต่างๆ) และแบบออนไลน์(แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง)
อ่านเกี่ยวกับแนวทางของเราในการติดต่อกับลิงก์ภายนอก
เด็กชายคนหนึ่งเป็นเด็กน้อยขี้โมโหหงุดหงิดตลอดเวลา
“น้อยคนที่จะเข้าใจสิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่ จนกว่าเราจะทำสำเร็จ ทำให้บ่อยครั้งที่เรามักจะต้องเจอกับคำพูด คำดูถูก ความสงสัย ความไม่เข้าใจ และการกระทำต่างๆ ที่สร้างพลังลบให้กับเราไม่น้อย”
การเข้าสู่ระบบโซเชียลนั้นไม่สามารถกระทำได้โดยไม่ระบุตัวตนหรือใช้เบราเซอร์ส่วนตัว กรุณาเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีชื่อผู้ใช้ของคุณหรืออีเมลเพื่อดำเนินการต่อ
จบได้อย่างน่าประทับใจ. เขียนบทสรุปที่สร้างสรรค์ ให้แรงบันดาลใจแก่ผู้อ่าน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเขียนบทความแสดงความคิดเห็นเรื่องการติดฉลากอาหาร เราอาจเชิญชวนให้ผู้อ่านศึกษาการติดฉลากอาหารเพิ่มเติม ถ้าเริ่มบทนำด้วยเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ หรือข้อมูลทางสถิติ ให้ลองพยายามเชื่อมโยงเข้ากับบทสรุป
เติมน้ำที่เกินครึ่งแก้ว (ต้นทุนเวลา)
ศึกษาหัวข้อและประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่. เริ่มค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่จะเขียนและประเด็นที่มีการถกเถียงกันในหัวข้อนั้น ขั้นตอนนี้จะไปไกลกว่าการค้นคว้าก่อนเขียน ศึกษาประเด็นสำคัญทุกอย่าง ข้อดีและข้อเสีย คำกล่าวจากผู้เชี่ยวชาญ บทความ และอื่นๆ นักเขียนที่ดีต้องรัก “การค้นคว้า” ค้นคว้าทั้งเอกสารปฐมภูมิ (ต้นฉบับ ไม่ได้รับการเผยแพร่) และเอกสารทุติยภูมิที่เกี่ยวกับหัวข้อนั้น
อย่าคัดลอกข้อความจากแหล่งข้อมูลมาใส่ในงานเขียนของตนเอง ใช้วิธีถอดความให้เป็นภาษาของตนเองและใช้การอ้างอิงจะดีกว่า
และด้วยอายุเท่านั้นก็ถือว่าแน่นหนาพอแล้ว แม้ต่อมาพวกมันจะโตขึ้น แต่เชือกบางๆ
การร่างแยกเป็นห้าย่อหน้าอาจไม่เหมาะกับบทความบางประเภท ตัวอย่างเช่น ถ้ากำลังเขียนบทความกึ่งชีวประวัติ เราอาจต้องใช้การร่างบทความแบบอื่น
คำนึงถึงผู้อ่าน. คิดสิว่าใครจะเป็นคนอ่านบทความนี้ เราจะต้องคำนึงถึงระดับของผู้อ่าน ความสนใจ ความคาดหวัง และปัจจัยอื่นๆ
“งานเขียนคือสมรภูมิอันสวยงามที่ถูกแต่งแต้มด้วยหยดหมึกแห่งจินตนาการ”